นายสุวิทย์ สมปักษ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ทีเอ็นเอส โลจิสติกส์ แอนด์ เอเจนซี่ จำกัด หรือ TLA บริษัทในกลุ่มบริษัทพริมา มารีน จำกัด (มหาชน) หรือ PRM เปิดเผยว่า บริษัท TLA ในนามของบริษัท PRM ได้เข้าลงทุนซื้อหุ้น “บริษัท วี.ซี.ชิปปิ้ง แอนด์ เซอร์วิส จำกัด” หรือ VC ซึ่งเป็นบริษัทชั้นนำในด้านธุรกิจ Shipping ของสินค้าในกลุ่มน้ำมันและปิโตรเคมี ในมูลค่าการลงทุนรวม 200 ล้านบาท ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2567 เป็นต้นไป

โดยบริษัท วี.ซี.ชิปปิ้ง แอนด์ เซอร์วิส จำกัด เป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการนำเข้าและส่งออก โดยเป็นผู้นำตลาดในการให้บริการกับกลุ่มลูกค้าโรงกลั่นในอุตสาหกรรมปิโตรเลียมและปิโตรเคมี ซึ่งมีประสบการณ์ในการดำเนินธุรกิจด้านโลจิสติกส์อย่างครบวงจรมาอย่างยาวนานกว่า 56 ปี ได้รับการรับรองคุณภาพมาตรฐาน ISO 9001:2015 และได้รับการรับรองจากกรมศุลกากรให้เป็นตัวแทนออกของ ที่ได้รับอนุญาตตามมาตรฐาน AEO เพื่อให้บริการพิธีการศุลกากร โดยผลการดำเนินที่ผ่านมาเติบโตขึ้นทุกปีอย่างต่อเนื่อง

การเข้าลงทุนบริษัท VC ในครั้งนี้ จะส่งผลบวกต่อกลุ่ม PRM อย่างมาก เนื่องจากบริษัทจะสามารถรับรู้รายได้ของ VC ทันทีตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2567 เป็นต้นไป และยังได้รับทีมงานที่มีคุณภาพ มีประสบการณ์และเชี่ยวชาญในงานด้านโลจิสติกส์ กฎหมายและกฎระเบียบที่เกี่ยวข้องกับการนำเข้า ส่งออกเข้ามาร่วมงาน เพื่อความต่อเนื่องในการดำเนินงาน เสริมความเชื่อมั่นและรักษามาตรฐานในการให้บริการอย่างมีประสิทธิภาพ นอกจากนี้ VC ยังจะเข้ามาเสริมกลยุทธ์ในการดำเนินธุรกิจขนส่งน้ำมันและปิโตรเคมีของบริษัท 

โดยจะช่วยเพิ่มศักยภาพให้กลุ่ม PRM จากการเป็นผู้นำในอุตสาหกรรมขนส่งน้ำมันและปิโตรเคมีของไทย ให้พัฒนากลายเป็นผู้เชื่อมต่อห่วงโซ่อุปทานของอุตสาหกรรมปิโตรเลียมในภูมิภาคเอเชียแปซิปิค เนื่องจากการเข้าซื้อ VC จะช่วยให้กลุ่ม PRM เพิ่มโอกาสการมองเห็นแนวโน้มและภาพรวมของอุตสาหกรรมทั้ง Supply Chain เสริมการขยายฐานลูกค้าในธุรกิจเดิม และสร้างความสัมพันธ์กับคู่ค้ารายใหม่ในระดับภูมิภาค นับเป็นการสร้างโอกาสการขยายธุรกิจเรือขนส่งน้ำมันสำเร็จรูปและเคมี ธุรกิจเรือขนส่งน้ำมันดิบ และการให้บริการ Logistics แบบครบวงจร

“กลุ่ม PRM เชื่อมั่นว่าธุรกิจ Shipping ที่ได้มาจากการเข้าซื้อ VC ในครั้งนี้ ไม่เพียงแต่จะช่วยให้กลุ่ม PRM รับรู้รายได้จากธุกิจ Shipping ได้ทันที แต่ยังเป็นการสร้าง Synergy ให้กับธุรกิจเรือขนส่งซึ่งเป็นธุรกิจหลักของกลุ่ม PRM จากการขยายขอบเขตการให้บริการกับฐานลูกค้าเดิม และสร้างความสามารถในการแข่งขันเพื่อขยายฐานธุรกิจกับคู่ค้ารายใหม่ในระดับภูมิภาค ซึ่งจะช่วยสร้างการเติบโตทางธุรกิจของกลุ่มบริษัท PRM อย่างโดดเด่น ส่งผลให้ภาพรวมของธุรกิจปี 2567 และในอนาคตเป็นไปตามเป้าที่กำหนด” นายสุวิทย์ กล่าว