“CAZ” อวดงบไตรมาส 1/62 กำไร 19.34 ล้านบาท โต 11.38% พร้อมโชว์แบ็กล็อก 2,133.33 ล้านบาท
“CAZ” อวดงบไตรมาส 1/62 กำไร 19.34 ล้านบาท โต 11.38%
พร้อมโชว์แบ็กล็อก 2,133.33 ล้านบาท
“ซี เอ แซด (ประเทศไทย)” โชว์ไตรมาส1/62 กำไร 19.34 ล้านบาท โต 11.38% ]ตุนแบ็กล็อกในมือ 2,133.33 ล้านบาท ฟาก “ทาคูนิ กรุ๊ป” เปิดงบไตรมาส1/62 รายได้จากการขายและให้บริการรวมแตะ 686.15 ล้านบาท 17.71%
นายซุง ซิก ฮอง ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ซี เอ แซด (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ CAZ เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงานในช่วงไตรมาส 1/62 บริษัทมีกำไรสุทธิอยู่ที่ 19.34 ล้านบาท เติบโต11.38% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน มีกำไรสุทธิอยู่ที่ 17.36 ล้านบาท
ทั้งนี้บริษัทมีรายได้จากการให้บริการก่อสร้างอยู่ที่ 414.34 ล้านบาท เติบโต 10.63% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน มีรายได้จากการให้บริการก่อสร้างเท่ากับ 374.54 ล้านบาท เนื่องจากการเพิ่มขึ้นของการรับรู้รายได้ตามขึ้นความสำเร็จของงานโครงการที่อยู่ในมือ (Backlog) อย่างต่อเนื่อง โดยมาจากการว่าจ้างตั้งแต่ปี 2560-2561
ขณะเดียวกันบริษัทยังมีสัดส่วนรายได้หลักมาจากงานบริการรับเหมาก่อสร้างติดตั้งโครงสร้างและระบบ (SMP E&I Service), งานบริการผลิตและบริการอื่น (Fabrication and Other Service) และงานบริการด้านวิศวกรรมโยธา (Civil & Building Service) เป็นหลัก เนื่องจากโครงการก่อสร้างในกลุ่มปิโตรเคมีและพลังงานเป็นโครงการขนาดใหญ่ที่มีมูลค่าเกิน 10,000 ล้านบาท ส่งผลให้บริษัทจึงต้องรับงานต่อจากผู้รับเหมาหลักอีกต่อหนึ่ง ณ วันที่ 31 มีนาคม 2562 กลุ่มบริษัทมีงานรับเหมาก่อสร้างที่อยู่ระหว่างก่อสร้างและยังไม่รับรู้รายได้จำนวน 2,133.33 ล้านบาท
ขณะที่นางสาวนิตา ตรีวีรานุวัฒน์ รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท ทาคูนิ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ TAKUNI เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงานในช่วงไตรมาส 1/62 บริษัทมีรายได้จากการขายและให้บริการรวมอยู่ที่ 686.15 ล้านบาท เติบโต 17.71% ช่วงเดียวกันของปีก่อน มีรายได้จากการขายและให้บริการรวมอยู่ที่ 582.93 ล้านบาท
พร้อมกันนี้บริษัทยังมีรายได้จากธุรกิจขายแก๊สเพิ่มขึ้นจำนวน 9.13 ล้านบาท เติบโต 4.90% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากความผันผวนของราคาขายในระหว่างงวด โดยราคาขายเฉลี่ยเพิ่มขึ้น9.26% เมื่อเทียบกับปีก่อน ถึงแม้ว่าปริมาณขายแก๊สโดยรวมของบริษัทลดลง 3.94% เมื่อเทียบกับปีก่อน โดยมีปริมาณการขาย LPG ในภาคขนส่งในปี 2562 ลดลง 15.13% ซึ่งสอดคล้องกับปริมาณการขายแก๊สของผู้ค้าน้ำมันเชื้อเพลิงมาตรา 7 ในภาคขนส่งโดยรวมที่ลดลงจากปีก่อน แต่บริษัทได้ขยายฐานลูกค้าไปในภาคอุตสาหกรรมมากขึ้น ทำให้ปริมาณขาย LPG ให้กลุ่มลูกค้าดังกล่าวเพิ่มขึ้น 85.90% เมื่อเทียบกับปี ก่อน เพื่อรักษาปริมาณการขายแก๊สโดยรวมของบริษัท
นอกจากนี้บริษัทยังมีรายได้จากธุรกิจรับเหมาก่อสร้างเพิ่มขึ้นจำนวน 93.75 ล้านบาท เติบโต 24.85% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากบริษัทมีรายได้บริการรับเหมาก่อสร้างประเภท Structural Mechanical Piping Electrical & Instrument (SMP E&I) และประเภทโยธา (Civil) เติบโต จากช่วงเดียวกันของปีก่อน โดย ณ วันที่ 31 มีนาคม 2562 กลุ่มบริษัทมีงานรับเหมาก่อสร้างน้ำมันและแก๊สที่อยู่ระหว่างก่อสร้างและยังไม่รับรู้รายได้จำนวน 2,358.52 ล้านบาท