“CAZ” ยืนยันสภาพคล่องทางการเงินในการดำเนินธุรกิจแข็งแกร่ง เดินหน้าปั้นรายได้ปี62เติบโต30-40%
“CAZ” ยืนยันสภาพคล่องทางการเงินในการดำเนินธุรกิจแข็งแกร่ง
เดินหน้าปั้นรายได้ปี62เติบโต30-40%
“ซี เอ แซด (ประเทศไทย)” ปฏิเสธข่าวลือบริษัทไม่ได้ประสบปัญหาทางเงิน เผยยังมีสภาพคล่องทางการเงินสำหรับการดำเนินธุรกิจ โดยบริษัทมีอัตราส่วนสภาพคล่องอยู่ที่ระดับ1.58 เท่า ขณะที่พื้นฐานการดำเนินธุรกิจยังยืนยันปี2562 รายได้จะเติบโตเพิ่มขึ้น 30-40% จากปี2561 เนื่องจากมี Backlogในมือ 2,516 ล้านบาท และคาดว่าจะสามารถรับรู้ได้อย่างต่อเนื่อง
นายซุง ซิก ฮอง ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ซี เอ แซด (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ CAZ เปิดเผยว่า หลังจากเมื่อวานนี้ (28 มี.ค. 2562) มีข่าวลือเกี่ยวกับบริษัทว่ามีปัญหาขาดสภาพคล่อง โดยบริษัทขอปฏิเสธเกี่ยวกับข่าวลือดังกล่าวไม่เป็นความจริง และบริษัทยังมีสภาพคล่องทางการเงินสำหรับการดำเนินธุรกิจ พร้อมทั้งยังไม่ได้ประสบปัญหาทางเงิน
ทั้งนี้จากงบแสดงฐานะทางการเงินวันที่ 31 ธ.ค. 2561 โดยบริษัทมีหนี้สินหมุนเวียนอยู่ที่ 830.43 ล้านบาท ประกอบด้วย เงินรับล่วงหน้าจากโครงการก่อสร้างจำนวน 422.43 ล้านบาท ซึ่งถือเป็นหนี้สินที่บริษัทไม่มีภาระในการจ่ายชำระคืน รวมถึงจะทยอยรับรู้รายได้ตามขั้นตอนความสำเร็จของงาน
อีกทั้งเมื่อนำหนี้สินที่เกิดจากเงินรับล่วงหน้าค่าก่อสร้างและรายได้ก่อสร้างรับล่วงหน้าจำนวน 422.43 ล้านบาท และหักออกจากหนี้สินหมุนเวียนตามงบการเงิน 840.43 ล้านบาท ทำให้บริษัทมียอดคงเหลือของหนี้สินหมุนเวียนอยู่ที่ 418 ล้านบาท และเมื่อนำมาเปรียบเทียบกับสินทรัพย์หมุนเวียนจำนวน 660.11 ล้านบาท ทำให้บริษัทมีอัตราส่วนสภาพคล่องอยู่ที่ระดับ 1.58 เท่า
นอกจากนี้การเพิ่มทุน โดยการเสนอขายหุ้นสามัญแก่ประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรก (IPO) ในเดือน ม.ค. 2562 ซึ่งบริษัทได้รับกระแสเงินจำนวน 312 ล้านบาท โดยได้ใช้ตามวัตถุประสงค์ในการระดมทุน ได้แก่ การใช้เป็นหลักทรัพย์ค้ำประกันกับสถาบันการเงินประมาณ 100 ล้านบาท รวมถึงใช้ซื้อสินทรัพย์บางส่วนจำนวน 20 ล้านบาท และใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในการดำเนินธุรกิจ ดังนั้นจากปัจจัยข้างต้นส่งผลให้บริษัทยังมีสภาพคล่องทางการเงินสำหรับการดำเนินธุรกิจ และไม่ได้ประสบปัญหาทางเงิน
พร้อมกันนี้บริษัทยังคาดว่ารายได้ในปี 2562 จะเติบโต 30-40% จากปี 2561 ที่มีรายได้อยู่ที่ 1,389.87 ล้านบาท เนื่องจากมีมูลค่างานในมือ(Backlog) ประมาณ 2,516 ล้านบาท และคาดว่าจะสามารถรับรู้ได้อย่างต่อเนื่อง
ขณะเดียวกันบริษัทยังเตรียมเข้าประมูลงานเพิ่มอีก 2 โครงการ โดยโครงการดังกล่าวในปัจจุบันบริษัทอยู่ระหว่างรอความชัดเจนจากผลการประมูลงานจำนวน 1 โครงการ ซึ่งคาดว่าจะเห็นความชัดเจนเกี่ยวกับการเข้ารับงานโครงการดังกล่าวเร็วๆนี้