“TEAMG” โชว์ ได้รับงานโครงการใหม่ๆ ต่อเนื่องในไตรมาส 2 “TEAMG” เผยไตรมาส 2 ยังมีงานใหม่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง พร้อมคาดครึ่งปีหลังBacklog ยังมีแนวโน้มเติบโต เหตุยังเดินหน้าเร่งประมูลงานโครงการภาครัฐ เอกชนและงานต่างประเทศ พร้อมคาดรายได้เติบโตไม่ต่ำกว่า 10
“TEAMG” โชว์ ได้รับงานโครงการใหม่ๆ ต่อเนื่องในไตรมาส 2
“TEAMG” เผยไตรมาส 2 ยังมีงานใหม่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง พร้อมคาดครึ่งปีหลังBacklog ยังมีแนวโน้มเติบโต เหตุยังเดินหน้าเร่งประมูลงานโครงการภาครัฐ เอกชนและงานต่างประเทศ พร้อมคาดรายได้เติบโตไม่ต่ำกว่า 10%
นายชวลิต จันทรรัตน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ทีม คอนซัลติ้ง เอนจิเนียริ่ง แอนด์ แมเนจเมนท์ จำกัด (มหาชน) หรือ TEAMG เปิดเผยว่า หลังจากการเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) เมื่อวันที่ 12 ก.ค. 2561 ที่ผ่านมา บริษัทวางแผนจะนำเงินจากการระดมทุนจำนวน 436 ล้านบาท มาลงทุนในเทคโนโลยีก้าวหน้า และเพื่อใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนสำหรับรองรับการขยายตัวของงานโครงการทั้งในและต่างประเทศ อีกทั้งยังช่วยลดต้นทุนทางการเงินในการบริหารสภาพคล่องของบริษัท โดยบริษัทจะเริ่มนำเงินจากการระดมทุนดังกล่าวมาลงทุนตามแผนการใช้เงิน ภายในไตรมาสที่ 3 ของปี 2561 นี้
“ณ สิ้นไตรมาส 1 ปี 2561 บริษัทมีงานในมือรอรับรู้รายได้ (Backlog) กว่า 3,473.94 ล้านบาท ในขณะที่ไตรมาสที่ 2 ที่ผ่านมา บริษัทยังได้รับงานโครงการใหม่เพิ่มขึ้นไม่น้อยกว่า 400 ล้านบาท โดยคาดว่าในช่วงไตรมาสที่ 3 และไตรมาสที่ 4 backlog มีแนวโน้มที่จะเติบโตขึ้น เนื่องจากบริษัทรับงานโครงการขนาดใหญ่ของภาครัฐที่เกี่ยวข้องกับโครงสร้างพื้นฐานโดยเฉพาะงานในประเภทกลุ่มคมนาคมระบบราง และ งานโครงการที่เกี่ยวข้องกับเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (EEC) รวมทั้งงานอาคารขนาดใหญ่ของภาครัฐ ซึ่งล้วนแต่เป็นโครงการที่ต่อเนื่องมาจากงานที่กลุ่มบริษัทเคยได้ดำเนินการศึกษาหรือออกแบบจากในอดีตและปัจจุบัน” นายชวลิต ฯ กล่าว
นายชวลิตฯ กล่าวเพิ่มเติมอีกว่า หลังจากที่หุ้นของบริษัทได้เข้าจดทะเบียนใน SET แล้ว บริษัทยังวางแผนที่จะขยายธุรกิจไปยังต่างประเทศ และสร้างพันธมิตรทางธุรกิจที่สำคัญเพิ่มเติม เพื่อเพิ่มศักยภาพและความแข็งแกร่งของบริษัท โดยจะเดินหน้าขยายธุรกิจให้ครอบคลุม 10 ประเทศในอาเซียน ได้แก่ อินโดนีเซีย บรูไน และสิงคโปร์ จากปัจจุบันที่ให้บริการใน 7 ประเทศ ได้แก่ ไทย มาเลเซีย ฟิลิปปินส์ เวียดนาม ลาว เมียนมา และกัมพูชา
“บริษัทคาดว่ารายได้จากการให้บริการในปี 2561 จะเติบโตได้ไม่ต่ำกว่า 10% จากปี 2560 ที่มีรายได้อยู่ที่ 1,590 ล้านบาท อันจะส่งผลให้มีอัตรากำไรสุทธิสูงขึ้นจากปีก่อนหน้า ซึ่งอยู่ที่ประมาณ 6% เนื่องจากการผลิตและการส่งมอบงานจาก Backlog ที่มีได้อย่างต่อเนื่อง ประกอบกับงานโครงการที่รับใหม่จากแผนยุทธศาสตร์ของภาครัฐที่จะมีการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานที่คาดว่าจะเปิดประมูลในปีนี้ประมาณ 1.66 ล้านล้านบาท อีกทั้งภาครัฐยังมีการเร่งพัฒนาพื้นที่ EEC และพื้นที่เขตเศรษฐกิจอื่น ๆ ส่วนงานเอกชนยังมีการเติบโต เนื่องจากเศรษฐกิจที่มีแนวโน้มฟื้นตัว อีกทั้งตลาดอสังหาริมทรัพย์ในปีนี้จะปรับตัวดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง ส่วนของอุตสาหกรรมคมนาคมยังมีการเร่งผลักดันโครงการรวมทั้งสิ้น 44 โครงการ ซึ่งมีงบลงทุนรวมทั้งสิ้น 2.02 ล้านล้านบาท ซึ่งปัจจัยที่กล่าวแสดงให้เห็นถึงโอกาสของบริษัทที่จะมีส่วนร่วมในโครงการต่าง ๆ ที่จะเกิดขึ้นในอนาคต ซึ่งจะเป็นการสนับสนุนให้ผลการดำเนินงานของบริษัทมีการเติบโตต่อไป ” นายชวลิต ฯ กล่าว