PTG ฟันกำไรโค้งแรกโต 48.7% YOY พร้อมผนึกพันธมิตรตั้งบริษัทลูกรุกธุรกิจปั๊มหน้าคลัง
PTG ฟันกำไรโค้งแรกโต 48.7% YOY
พร้อมผนึกพันธมิตรตั้งบริษัทลูกรุกธุรกิจปั๊มหน้าคลัง
‘พีทีจี เอ็นเนอยี’ โชว์กำไร Q1/61 เพิ่มขึ้น 48.7% YOY หลังปริมาณการเพิ่มขึ้น และธุรกิจ non-oil หนุนศักยภาพในการทำกำไร คงเป้าปริมาณการขายเพิ่ม 20-25% ส่วนเป้า EBITDA ปีนี้โต 40-45% จากปีก่อน พร้อมตั้งบริษัทลูกร่วมกับ BAFS รุกธุรกิจสถานีบริการน้ำมันหน้าคลังน้ำมัน
นายพิทักษ์ รัชกิจประการ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท พีทีจี เอ็นเนอยี จำกัด (มหาชน) หรือ PTG เปิดเผยว่า ผลประกอบการของบริษัทฯ ประจำไตรมาสที่ 1ของปี 2561 สิ้นสุดวันที่ 31 มีนาคม 2561 บริษัทฯ มีกำไรสุทธิอยู่ที่ 269 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 88 ล้านบาท หรือคิดเป็นเพิ่มขึ้น 48.7% เมื่อเทียบกับช่วงไตรมาสก่อนหน้าที่มีกำไรสุทธิอยู่ที่ 181 ล้านบาทและมีรายได้รวม 24,752 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 3,856 ล้านบาท หรือคิดเป็นเพิ่มขึ้น 18.5% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า ที่มีรายได้อยู่ที่ 20,896 ล้านบาท โดยการเติบโตของทั้งกำไรสุทธิ และรายได้เกิดจากปริมาณการขายน้ำมันที่เพิ่มขึ้นอยู่ที่ 942 ล้านลิตร เพิ่มขึ้น 15% จากช่วงเดียวกันปีก่อน รวมถึงการเติบโตของธุรกิจนอนออยล์ ทั้งในส่วนของการจำหน่ายแก๊ส LGP ที่เพิ่มขึ้นเป็น 19ล้านลิตร หรือเพิ่มขึ้น 43% จากช่วงเดียวกันปีก่อน นอกจากนี้ ยังมีธุรกิจอาหาร และเครื่องดื่ม ธุรกิจร้านสะดวกซื้อ ธุรกิจการให้บริการพื้นที่เชิงพาณิชย์ และธุรกิจอื่น ๆ ที่ยังคงเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง ในส่วนของกำไรขั้นต้นต่อลิตรของธุรกิจน้ำมันในไตรมาสนี้ มีการปรับตัวดีขึ้นเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อน เป็นผลจากการปรับราคาขายปลีกของอุตสาหกรรมน้ำมันที่สอดคล้องกับต้นทุนมากขึ้น และกำไรขั้นต้นจากธุรกิจนอนออยล์ก็มีแนวโน้มเพิ่มขึ้น โดยปัจจุบัน PTG มีสัดส่วนกำไรขั้นต้นจากธุรกิจนอนออยล์คิดเป็น 8.4% จากปีที่แล้วที่ 7.1%
ในช่วงที่ผ่านมาบริษัท กาแฟพันธุ์ไทย จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของ PTG (PTG ถือหุ้นในสัดส่วน 99.99%) เข้าซื้อหุ้นสามัญเพิ่มทุนใน บริษัท จิตรมาส แคเทอริ่ง จำกัด หรือ JTC จำนวน 315,000 หุ้น หรือในสัดส่วน 70.00% ของจำนวนหุ้นทั้งหมด โดยบริษัท จิตรมาส แคเทอริ่ง จำกัด ดำเนินธุรกิจด้านอาหารและเครื่องดื่ม ทั้งการผลิตอาหารสำเร็จรูปประเภท Chilled Food, Frozen Food และการให้บริการจัดแคเทอริ่งให้กับโรงแรมชั้นนำ เป็นต้น ซึ่ง PTG เล็งเห็นถึงศักยภาพในการเติบโตของธุรกิจในอนาคต และเพื่อสนับสนุนการ
เติบโต และพัฒนาของกลุ่มธุรกิจอาหารและเครื่องดื่มภายใต้เครือข่ายของบริษัทให้มีคุณภาพและมาตรฐานเดียวกัน รวมถึงเพื่อเพิ่มความหลากหลายให้กับผลิตภัณฑ์ให้ตรงกับความต้องการของผู้บริโภคให้เกิดความพึงพอใจสูงสุด นอกจากนี้ ล่าสุด คณะกรรมการบริษัทได้มีมติอนุมัติให้ PTG เข้าร่วมลงทุนกับ บริษัท บริการเชื้อเพลิงการบินกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ BAFS ในการจัดตั้งบริษัทย่อยแห่งใหม่จำนวน 1 บริษัทชื่อ บริษัท บีพีทีจี จำกัด “BPTG” เพื่อประกอบกิจการสถานีบริการน้ำมัน บริเวณด้านหน้าคลังน้ำมันพิจิตร คลังน้ำมันนครลำปาง และสถานีสูบถ่ายน้ำมันกำแพงเพชร ของ บริษัท ขนส่งน้ำมันทางท่อ จำกัด โดย PTG เข้าไปลงทุน 60% ของทุนจดทะเบียนใน BPTG และ BAFS เข้าลงทุน 40% ของทุนจดทะเบียน
ทั้งนี้บริษัทฯ ยังคงเป้าหมายตั้งเป้าหมายในการเพิ่มเครือข่ายสถานีบริการน้ำมัน และแก๊สให้ครอบคลุมมากยิ่งขึ้น และเพิ่มธุรกิจ Non-oil ต่าง ๆ เพื่อสร้างความหลากหลายให้กับสถานีบริการ โดยบริษัทฯ ยังคงตั้งเป้าปริมาณการจำหน่ายน้ำมันให้เพิ่มขึ้น 20-25% จากปีก่อน และคงเป้า EBITDA เพิ่มขึ้น 40-45% จากปีก่อน รวมถึงตั้งงบลงทุนไว้ที่ 4,000-5,000 ล้านบาท โดยแบ่งเป็นการลงทุนในการขยายและปรับปรุงธุรกิจหลัก 3,000-3,300 ล้านบาท ธุรกิจ Non-oil 500-700 ล้านบาท และธุรกิจใหม่ 500-1,000 ล้านบาท เพื่อการสร้างมูลค่าเพิ่มขององค์กรในระยะยาว
“เรายังคงเป้าหมายการเติบโตในปีนี้เหมือนเดิม จากการขยายสาขา และปริมาณการขายของสาขาเดิมที่เพิ่มมากขึ้น นอกจากนี้ พีทีจีคาดว่าธุรกิจ non-oil และการเข้าร่วมทุนในธุรกิจต่าง ๆ จะเริ่มส่งผลกำไรที่ชัดเจนมากขึ้น และที่สำคัญเรามุ่งเน้นที่จะสร้างความหลากหลายให้กับสถานีบริการ และเติมเต็มความต้องการของลูกค้า มอบสินค้าที่สดใหม่ การให้บริการที่ประทับใจ และการให้สิทธิประโยชน์จาก บัตร PT Max Card ที่เชื่อมโยงสินค้าและบริการภายใต้เครือข่ายของพีทีจี และพันธมิตรเข้าด้วยกันเพื่อเป็นที่หนึ่งในใจคนไทยทั้งประเทศ” นายพิทักษ์กล่าว