“BM” ฟันกำไรปี 60 ที่ 44.30 ลบ. ปันผล 0.04 บ. ทุ่ม 152.14 ลบ. ซื้อหุ้น MECT ต่อยอดธุรกิจหลัก
“BM” ฟันกำไรปี 60 ที่ 44.30 ลบ. ปันผล 0.04 บ.
ทุ่ม 152.14 ลบ. ซื้อหุ้น MECT ต่อยอดธุรกิจหลัก
“บางกอกชีทเม็ททัล” ทำกำไรปี 60 ที่ 44.30 ลบ. แจกปันผล 0.04 บาทต่อหุ้น ทุ่ม 152.14 ลบ. ซื้อหุ้น MECT ผู้รับเหมาติดตั้งระบบไฟฟ้า-สื่อสาร ระบบปรับอากาศ ระบบสุขาภิบาล และระบบป้องกันอัคคีภัย พร้อมตั้งเป้ารายได้ปี61 โตต่อเนื่อง 10-20%
นายธีรวัต อมรธาตรี กรรมการผู้จัดการ บริษัท บางกอกชีทเม็ททัล จำกัด (มหาชน) หรือ BM เปิดเผยว่า ผลประกอบการของบริษัทฯ ประจำปี 2560 สิ้นสุดวันที่ 31 ธันวาคม 2560 บริษัทฯ มีกำไรสุทธิอยู่ที่ 44.30 ล้านบาท และมีรายได้จากการขายสินค้าและบริการอยู่ที่841.46 ล้านบาท โดยในปีที่ผ่านมาบริษัทฯ ได้รับคำสั่งซื้อสินค้ารางและท่อร้อยสายไฟอย่างต่อเนื่องจากผู้รับเหมาก่อสร้างโครงการต่างๆ เช่น งานก่อสร้างห้างสรรพสินค้า งานก่อสร้างอาคารคอนโดมีเนียม รวมถึงการได้รับคำสั่งผลิตตู้สัญญาณอินเตอร์เน็ตสำหรับหมู่บ้าน รวมทั้งมีรายได้เพิ่มจากการผลิตแม่พิมพ์สำหรับโมเดลรถเกี่ยวข้าว และโครงรถตัดอ้อย โดยบริษัทฯ ได้มีมติในการจ่ายเงินปันผลให้กับผู้ถือหุ้นจำนวน 0.04 บาทต่อหุ้น โดยมีกำหนดขึ้นเครื่องหมายวันที่ไม่ได้รับสิทธิปันผล (XD) ในวันที่ 2 พ.ค. 2561 โดยมีกำหนดจ่ายเงินปันผลในวันที่ 23พ.ค. 2561
ทั้งนี้ คณะกรรมการบริษัทมีมติอนุมัติให้เข้าซื้อหุ้นสามัญเพิ่มทุนของบริษัท เอ็ม อี ซี ที จำกัด หรือ MECT ผู้ให้บริการรับเหมาติดตั้งระบบไฟฟ้า-สื่อสาร ระบบปรับอากาศ ระบบสุขาภิบาล และระบบป้องกันอัคคีภัย จำนวน 391,250 หุ้น คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 20 ของจำนวนหุ้นที่ออกจำหน่ายแล้วของ MECT ภายหลังการทำรายการ ในราคาซื้อขายหุ้นละ 388.86 บาท มูลค่าที่ตราไว้ 100 บาทต่อหุ้น รวมมูลค่าลงทุน 152,141,068 บาท โดย MECT ถือว่าเป็นบริษัทฯ ที่มีความแข็งแกร่งด้านงานระบบ มีวิศวกร และทีมงานที่มีประสบการณ์ ความเชี่ยวชาญ ในการให้คำปรึกษาและให้บริการแก่ลูกค้า ซึ่งสามารถตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าที่แตกต่างกันตามกลุ่มอุตสาหกรรมได้เป็นอย่างดี นอกจากนี้ งานระบบไฟฟ้า-สื่อสาร ระบบปรับอากาศ ระบบสุขาภิบาล และระบบป้องกันอัคคีภัย เป็นระบบที่สำคัญสำหรับทุกภาคอุตสาหกรรม ทุกธุรกิจที่ตั้งใหม่ต้องมีการวางระบบดังกล่าว ทำให้ธุรกิจของ MECT มีความยั่งยืน ต่อเนื่อง โดยหลังจากการเข้าซื้อหุ้นของ MECT บริษัทฯ จะได้รับประโยชน์จากเครือข่ายฐานลูกค้าของ MECT ซึ่งเป็นกลุ่มผู้รับเหมาที่มีความต้องการใช้สินค้าที่บริษัทฯ ผลิต และจำหน่าย เช่น ราง และท่อร้อยสายไฟฟ้า ตู้โลหะ เป็นต้น และยังเป็นการขยายธุรกิจไปยังประเภทธุรกิจใกล้เคียง เพื่อเพิ่มรายได้ของบริษัทฯ รวมถึงการได้รับผลตอบแทนในรูปเงินปันผลจากกำไรสุทธิของ MECT อีกด้วย
ในขณะที่ปี 2561 บริษัทฯ ตั้งเป้ารายได้เติบโตอยู่ที่ระดับ 10-20% จากยอดคำสั่งซื้อสินค้าประเภทราง และท่อร้อยสายไฟที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องจากผู้รับเหมาก่อสร้างโครงการต่างๆ รวมถึงคำสั่งผลิตตู้ไฟฟ้า และตู้สื่อสารรวมถึง การรับงานผลิตแม่พิมพ์สำหรับโมเดลรถเกี่ยวข้าว และโครงรถตัดอ้อย และคำสั่งผลิตชิ้นส่วนโลหะสำหรับเครื่องจักรกลการเกษตรในปริมาณที่คาดว่าจะเพิ่มสูงขึ้นตามความต้องการของภาคเกษตรกรรม และที่สำคัญการเข้ามาถือหุ้นบริษัทฯของ NITTO KOGYO CORPORATION หรือ “NITTO” ผู้ผลิต และจัดจำหน่ายอุปกรณ์ไฟฟ้า และอุปกรณ์เชิงกลจากประเทศญี่ปุ่น จะช่วยเสริมความแข็งแกร่ง และเพิ่มโอกาสในการขยายธุรกิจ รวมถึงเพิ่มช่องทางในการสร้างรายได้เพิ่มเติมได้อีกด้วย
ในขณะเดียวกันบริษัทฯ ยังคงเดินหน้าขยายโรงงานหลังที่ 5 ตามแผน โดยในปัจจุบันอยู่ระหว่างการก่อสร้างในพื้นที่ตรงข้ามกับสำนักงานใหญ่ โดยใช้แหล่งเงินทุน จากการระดมทุน IPO ในปี 2559 โดยบริษัทฯ จะดำเนินการสั่งซื้อเครื่องจักร เพื่อติดตั้งภายในไตรมาสที่ 1 ของปีนี้ และติดตั้งไลน์พ่นสีใหม่ ซึ่งคาดว่าจะเริ่มดำเนินการผลิตได้ภายในไตรมาสที่ 3 ของปีนี้
“เราคาดว่ารายได้ในปี 61 จะเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง จากปริมาณงานในกลุ่มของผู้รับเหมาที่เพิ่มสูงขึ้น ตามโครงการก่อสร้างต่าง ๆ ด้านโครงการการก่อสร้างโรงงานใหม่หลังที่ 5 จะก่อสร้างแล้วเสร็จ และเริ่มดำเนินการผลิตได้ตามกำหนดที่ได้วางไว้ ส่วนการเข้าลงทุนในMECT เรามองว่าเป็นการลงทุนที่สมเหตุสมผล ซึ่ง MECT เป็นบริษัทที่มีรายได้ และกำไรอย่างสม่ำเสมอ รวมถึงยังสามารถต่อยอดธุรกิจหลักของเรา และเพิ่มช่องทางในการสร้างรายได้อีกด้วย” นายธีรวัตกล่าว
********************************************